วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 17

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 17
วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2559
เวลาเรียน 14.30 - 17.30 น.

   อาจารย์นัดให้นักศึกษาทั้งสองเซคมาเรียนร่วมกัน เพื่อพูดคุยตกลงเกี่ยวกับการเรียนการสอนสำหรับรายวิชา และตารางเรียนของเทอม 2  พร้อมกับบอกแนวข้อสอบปลายภาค และให้ส่งใบปั๊มการเข้าเรียนพร้อมกับแจกรางวัล และให้นักศึกษาออกมาลิงค์บล็อกของตนเอง

อาจารย์บอกแนวข้อสอบ

อาจารย์แจกรางวัล

รางวัลเด็กดี
   หลังจากปิดคอร์ด กลุ่มของฉันก็นำโครงการที่ปริ้นออกมาเเล้วให้อาจารย์ตรวจสอบ เพื่อจัดเข้าเป็นรูปเล่ม จัดเรียงเป็นเเฟ้มผลงานให้สวยงาม


ปรึกษาโครงการ

โครงการที่เสร็จสมบรูณ์ จัดทำเป็นรูปเล่ม

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 16

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 16
วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2559
เวลาเรียน 14.30 - 17.30 น.
......................................

จัดโครงการให้ความรู้ผู้ปกครอง
ณชุมชนสุหร่าแดง กรุงเทพมหานคร
เรื่อง นิทานสร้างสรรค์สานสัมพันธ์ครอบครัว
หลักการเเละเหตุผล
   การอ่านเป็นการพัฒนาความคิด ซึ่งเราสามารถปลูกฝังการอ่านให้แก่เด็กได้ตั้งแต่วัยเยาว์ นั่นหมายถึงผู้ปกครองสามารถอ่านหนังสือหรือนิทานให้แก่เด็กได้ตั้งแต่ขวบปีแรก และให้ทำจนเป็นนิสัย เพื่อกระตุ้นพัฒนาการด้านอารมณ์-จิตใจ สังคม และสติปัญญาของเด็ก
   การตอบสนองต่อความต้องการ ความสนใจ และธรรมชาติของเด็กในระดับปฐมวัย ถือเป็นหัวใจสำคัญของการอบรมเลี้ยงดูและการให้การศึกษาแก่เด็กในวัยนี้ การเล่านิทานเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ตอบสนองต่อธรรมชาติของเด็ก การที่พ่อแม่เล่านิทานให้ลูกฟังทุกวันมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากการเล่านิทานทำให้เด็กมีความสนุกสนาน เพลิดเพลินและผ่อนคลายอารมณ์แล้ว เนื้อหาในนิทานยังสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมที่ดีงามอันเป็นแนวทางในการปฏิบัติตนของเด็ก อีกทั้งยังช่วยเสริม สร้างพัฒนาการในด้านภาษาของเด็กได้อีกด้วย เด็กมักจะรบเร้า เรียกร้องให้ผู้ใหญ่เล่านิทานให้ฟังทุกวัน แม้ว่านิทานเรื่องนั้นเด็กจะเคยฟังมาแล้วกี่ครั้งก็ตาม เด็กบางคนอาจต้องการออกมาเล่านิทานให้เพื่อนๆฟัง หรือเด็กบางคนอาจต้องการแสดงบทบาทของตัวละครในนิทาน พฤติกรรมต่างๆเหล่านี้เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะและธรรมชาติของเด็กทุกคนที่ชอบฟังนิทาน ไม่ว่าจะเป็นเด็กในระดับใด การฟังนิทานนอกจากจะทำให้เด็กมีความสนุกสนาน และผ่อนคลายอารมณ์แล้ว นิทานยังช่วยให้เด็กได้พัฒนาทักษะทางภาษา โดยเฉพาะทักษะการฟัง การพูด การกล้าแสดงออก การคิดและจินตนาการที่กว้างไกล
   เนื่องจากในปัจจุบันเด็กไม่ค่อยอ่านหนังสือหรืออาจเกิดจากผู้ปกครองไม่ค่อยสนใจ ผู้จัดทำได้คิดหาวิธีการสร้างสัมพันธ์ที่ดีแก่ผู้ปกครองและเด็กปฐมวัย  โดยการจัดทำโครงการ “นิทานสร้างสรรค์สานสัมพันธ์ครอบครัว” เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เด็กรักการอ่านและอีกทั้งยังเป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อครอบครัว

วัตถุประสงค์
      1.เพื่อให้ความรู้กับผู้ปกครองและส่งเสริมการอ่านโดยผ่านนิทาน
      2.เพื่อสร้างสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองกับเด็ก

เนื้อหา
      นิทานสร้างสรรค์สานสัมพันธ์ครอบครัวส่งเสริมการอ่านผ่านเทคนิคการเล่านิทานด้วยวิธีการ ดังนี้ 
          1.การเลือกนิทาน
          2.การเตรียมตัวก่อนเล่านิทาน
          3.ประโยชน์จากการฟังนิทาน
          4.วิธีเล่านิทาน
    การเล่านิทานให้ลูกฟัง เป็นการเล่าเรื่องหรือถ่ายทอดเรื่องราวของนิทานที่พ่อแม่ ผู้ใหญ่ หรือครูเล่าให้เด็กฟัง อาจจะเป็นเรื่องราวที่เล่าสืบต่อกันมา เรื่องที่แต่งขึ้นใหม่ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เด็กมีความสนุกสนาน และสอดแทรกแนวคิด คุณธรรม ที่สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ให้เด็กเข้าใจ ด้วยน้ำเสียง ท่าทาง สื่อและวัสดุอุปกรณ์ที่ทำให้การเล่านิทานนั้นน่าสนใจและสนุกสนานมากขึ้น
การตอบสนองต่อความต้องการ ความสนใจ และธรรมชาติของเด็กในระดับปฐมวัย ถือเป็นหัวใจสำคัญของการอบรมเลี้ยงดูและการให้การศึกษาแก่เด็กในวัยนี้ การเล่านิทานเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ตอบสนองต่อธรรมชาติของเด็ก การที่พ่อแม่เล่านิทานให้ลูกฟังทุกวันมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากการเล่านิทานทำให้เด็กมีความสนุกสนาน เพลิดเพลินและผ่อนคลายอารมณ์แล้ว เนื้อหาในนิทานยังสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมที่ดีงามอันเป็นแนวทางในการปฏิบัติตนของเด็ก อีกทั้งยังช่วยเสริม สร้างพัฒนาการในด้านภาษาของเด็กได้อีกด้วย เด็กมักจะรบเร้า เรียกร้องให้ผู้ใหญ่เล่านิทานให้ฟังทุกวัน แม้ว่านิทานเรื่องนั้นเด็กจะเคยฟังมาแล้วกี่ครั้งก็ตาม เด็กบางคนอาจต้องการออกมาเล่านิทานให้เพื่อนๆฟัง หรือเด็กบางคนอาจต้องการแสดงบทบาทของตัวละครในนิทาน พฤติกรรมต่างๆเหล่านี้เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะและธรรมชาติของเด็กทุกคนที่ชอบฟังนิทาน ไม่ว่าจะเป็นเด็กในระดับใด การฟังนิทานนอกจากจะทำให้เด็กมีความสนุกสนาน และผ่อนคลายอารมณ์แล้ว นิทานยังช่วยให้เด็กได้พัฒนาทักษะทางภาษา โดยเฉพาะทักษะการฟัง การพูด การกล้าแสดงออก การคิดและจินตนาการที่กว้างไกล รวมถึงการพัฒนาคุณลักษณะที่พึงประสงค์ให้กับเด็กจากการฟังนิทานที่มีเนื้อหาสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมที่ดีงามจากการเลียนแบบพฤติกรรมของตัวละครในนิทานที่เด็กได้ฟัง เด็กจะมีความเชื่อ ศรัทธา และพร้อมที่จะปฏิบัติตนตามบทบาทของตัวละครนั้นๆ ซึ่งเป็นธรรมชาติของเด็กปฐมวัยที่มักจะมีการเรียนรู้พฤติกรรมต่างๆจากการเลียนแบบบุคคลที่เด็กรักและศรัทธาและเชื่อถือ ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมของแบนดูร่า (Bandura Social Learning Theory) ที่เชื่อว่าเด็กเรียนรู้พฤติกรรมจากการใช้ตัวแบบ สัญลักษณ์และทุกสิ่งทุกอย่างในสังคม (Learning through modeling) ซึ่งเกิดจากการรับรู้พฤติกรรม และสามารถแสดงพฤติกรรมหรือกระทำตามตัวแบบนั้นได้ นิทานมีอิทธิพลต่อเด็กปฐมวัยมาก การที่พ่อแม่และครูสร้างความใกล้ชิดกับเด็กโดยการเล่านิทานจะช่วยให้เข้าใจเด็กมากขึ้น ช่วยให้เด็กเกิดความสนุกสนาน มีความรู้สึกอบอุ่นและใกล้ชิดผู้เล่า การเล่านิทานให้เด็กฟังอย่างสม่ำเสมอทำให้เด็กรับรู้ถึงความรู้สึกว่าได้รับความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ การเล่านิทานให้เด็กฟังไม่ใช่เล่าเพื่อให้เด็กเกิดความสนุกและตลกขบขันเท่านั้น แต่ความเป็นจริงเด็กต้องการความน่าสนใจและประโยชน์ที่ได้จากการฟังนิทานในด้านของการสร้างสรรค์จินตนาการ ความคิด ความเข้าใจ ความฝันและการรับรู้ให้กับเด็ก ตัวละครแต่ละตัวในนิทานจะสร้างจินตนาการในสมองเด็ก การเล่านิทานจึงเป็นกิจกรรมที่มีความจำเป็นสำหรับเด็กในการสร้างเสริมเด็กได้ในทุกเรื่องรวมถึงการสร้างนิสัยรักการอ่าน อีกทั้งยังช่วยส่ง เสริมพัฒนาการตามวัยทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญาให้เกิดกับเด็กได้อีกด้วย

เป้าหมาย
    เป้าหมายเชิงปริมาณ
           ผู้ปกครองเด็กปฐมวัยที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน  10 ครอบครัว
    เป้าหมายเชิงคุณภาพ   
           ผู้ปกครองเด็กปฐมวัยมีความพึงพอใจในโครงการ

วันเวลาและสถานที่
           วันศุกร์ ที่ 25 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2559 ณ ชุมชนสุเหร่าแดง กรุงเทพมหานคร

รูปแบบการจัดโครงการ / เทคนิค
           - อบรมเชิงปฏิบัติการโครงการนิทานสร้างสรรค์สานสัมพันธ์ครอบครัว
           - การจัดป้ายนิเทศให้ความรู้โครงการนิทานสร้างสรรค์สานสัมพันธ์ครอบครัว
           - แผ่นพับให้ความรู้โครงการนิทานสร้างสรรค์สานสัมพันธ์ครอบครัว

แผนการดำเนินงาน
1.สำรวจความต้องการของผู้ปกครอง
2.เขียนโครงการให้ความรู้ผู้ปกครอง
3.การเตรียมงาน (P)
- วางแผนเกี่ยวกับโครงการ
- สื่อที่ใช้การในการทำโครงการ
- การแบ่งหน้าที่กันทำโครงการ
4.การดำเนินงาน (D)
- จัดทำนิทรรศการ
- จัดทำกิจกรรมให้กับผู้ปกครอง
-สรุปกิจกรรม
5.การติดตามผล (C)
-การใช้แบบสอบถามผู้ปกครอง
การสรุปผลและการประเมินผล (A)
-วิเคราะห์ข้อมูลและการจัดทำรูปเล่มรายงาน

งบประมาณรวม 1000 บาท
1.ค่าใช้สอย  500  บาท
        • ค่ารถ          200   บาท
        • อาหารว่าง  300 บาท
2. ค่าวัสดุ          500 บาท
        • หนังสือนิทาน 500 บาท

ผลที่คาดว่าจะได้รับ
          ผู้ปกครองมีความรู้ สามารถนำนิทานไปปฏิบัติในเวลาว่างกับเด็กและเด็กรักการอ่านหนังสือ

การประเมินและติดตามผล
          1. ประเมินจากแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ปกครอง
          2. สะท้อนความคิดเห็นของสมาชิกกลุ่มในการทำกิจกรรม

ผู้รับผิดชอบโครงการ
   1.นางสาวทาริกา เสมวงค์          ประธานโครงการ
   2.นางสาวสุธาสิณี อายุมั่น          รองประธานโครงการ
   3.นางสาววราพร สงวนประชา     กรรมการ
   4.นางสาวนิตยา นนทคำจันทร์    กรรมการ
   5.นางสาวนันทนาภรณ์ คำอ่อน   กรรมการ
   6.นางสาวสุดารัตน์ อาจจุฬา       กรรมการ
   7.นางสาวสาวิตรี จันทร์สิงห์       กรรมการและเลขาณุการ

ภาพการจัดโครงการ

บอร์ดให้ความรู้ผู้ปกครอง แผ่นพับ หนังสือนิทาน ตัวอย่างหุ่นนิ้ว


อุปกรณ์และสื่อในการให้ความรู้ผู้ปกครอง


ให้ความรู้ผู้ปกครอง
                               
ผู้ปกครองวาดภาพ ระบายสี ทำหุ่นนิ้ว
การนำไปประยุกต์ใช้
   สามารถจัดความรู้ผู้ปกครองให้มีรูปแบบที่หลากหลายมีการปรับให้ยืดหยุ่นตามความเหมาะสมตรงตามวัตถุประสงค์ สามารถนำมาเป็นแนวทางในการให้ความรู้ผู้ปกครอง ปรับประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมสำหรับการเรียนการสอนในอนาคตได้

ประเมินผล
 ประเมินตนเอง
  ตั้งใจทำกิจกรรมและปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ จนเกิดผลสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

 ประเมินเพื่อน
  เพื่อนๆทุกคนต่างมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ตนเองได้รับเป็นอย่างดี จนเกิดความสำเร็จ

 ประเมินอาจารย์
   อาจารย์ช่วยให้คำแนะนำ ให้การเเก้ไขและปรับปรุง จนโครงการประสบความสำเร็จ